กล้องวงจรปิดเพื่อนบ้านส่องมาที่บ้านเราทำยังไงได้บ้าง ?
"เฮ้ย! กล้องวงจรปิดบ้านข้างๆ มันหันมาทางบ้านเราเป๊ะเลย!" "รู้สึกเหมือนโดนจับตามองตลอดเวลา ทำอะไรก็ไม่เป็นส่วนตัว" เชื่อว่านี่คือปัญหาที่ทำให้ใครหลายคนรู้สึกอึดอัด ไม่สบายใจ และอาจจะถึงขั้นหวาดระแวงได้เลยใช่ไหมครับ? การที่เพื่อนบ้านติดกล้องวงจรปิดเพื่อความปลอดภัยของเขานั้นเป็นเรื่องที่ดี แต่ถ้ามุมกล้องมันดันล้ำเข้ามาในพื้นที่ส่วนตัวของเราล่ะ? เราจะทำอะไรได้บ้าง?
ใจเย็นๆ ก่อนนะครับ! ปัญหานี้มีทางออก และกฎหมายก็คุ้มครองสิทธิความเป็นส่วนตัวของเราอยู่ ในฐานะ ผู้ที่เข้าใจทั้งเรื่องเทคโนโลยีและความรู้สึกของคนอยู่บ้าน บทความนี้จะมาแนะแนวทางแบบเพื่อนคุยกัน ว่าถ้าเจอสถานการณ์ "กล้องเพื่อนบ้านส่องบ้านเรา" เราควรจะเริ่มจากตรงไหน และมีสิทธิทำอะไรได้บ้างตามกฎหมาย (โดยเฉพาะ พ.ร.บ. คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล หรือ PDPA
สเต็ปแรก: "คุยกันดีๆ" ก่อนเลยเพื่อนบ้าน!
ก่อนจะไปถึงเรื่องกฎหมาย หรือมาตรการที่เข้มข้นขึ้น วิธีที่ดีที่สุดและควรทำเป็นอันดับแรกคือ "การพูดคุยกันอย่างสุภาพและเข้าใจ" ครับ:
1.ตั้งสติ ใจเย็นๆ: เข้าใจว่าเราอาจจะรู้สึกไม่พอใจ แต่การเริ่มต้นด้วยอารมณ์อาจทำให้เรื่องบานปลาย
2.เลือกเวลาที่เหมาะสม: เข้าไปพูดคุยในจังหวะที่เพื่อนบ้านสะดวกและอารมณ์ดี
3.อธิบายความกังวลของเราอย่างสุภาพ:
- "พี่ครับ/คะ พอดีผม/หนูสังเกตเห็นมุมกล้องวงจรปิดของพี่ มันหันมาทางหน้าต่างห้องนอน/พื้นที่ส่วนตัวของบ้านผม/หนูพอดีเลย ทำให้รู้สึกไม่ค่อยเป็นส่วนตัวเท่าไหร่ครับ/ค่ะ"
- "รบกวนพี่ช่วยปรับมุมกล้องให้เฉียงออกไปหน่อยได้ไหมครับ/คะ เพื่อความสบายใจของทั้งสองฝ่าย"
- เน้นที่ "ความรู้สึก" ของเรา และ "ความเป็นส่วนตัว" อย่าเพิ่งไปกล่าวหาว่าเขาตั้งใจสอดแนม
4.รับฟังเหตุผลของเพื่อนบ้าน: เขาอาจจะมีเหตุผลบางอย่างที่เราไม่รู้ หรืออาจจะไม่ได้ตั้งใจจริงๆ ก็ได้
5.หาทางออกร่วมกัน: พยายามหาจุดที่ทั้งสองฝ่ายสบายใจ เช่น ให้เขาปรับมุมกล้องให้เราดูเดี๋ยวนั้นเลย หรือตกลงกันว่าจะไม่ให้กล้องจับภาพเข้ามาในเขตบ้านเราโดยตรง
ส่วนใหญ่แล้ว ถ้าเราคุยกันด้วยเหตุผลดีๆ เพื่อนบ้านมักจะเข้าใจและยอมปรับมุมกล้องให้ครับ เพราะคงไม่มีใครอยากมีปัญหากับเพื่อนบ้านหรอกเนอะ
ถ้าคุยแล้ว "ไม่คลิก"...กฎหมาย PDPA ช่วยเราได้!
ถ้าการพูดคุยไม่เป็นผล หรือเพื่อนบ้านยืนยันว่าจะไม่ปรับมุมกล้องทั้งที่มันละเมิดความเป็นส่วนตัวของเราชัดเจน คราวนี้เราต้องมาดูกันที่ข้อกฎหมายครับ โดยเฉพาะ "พ.ร.บ. คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 (PDPA)" ซึ่งมีผลบังคับใช้เต็มรูปแบบแล้ว
- ภาพจากกล้องวงจรปิด = ข้อมูลส่วนบุคคล: PDPA มองว่าภาพถ่ายหรือวิดีโอที่สามารถ "ระบุตัวตน" ของบุคคลได้ ถือเป็น "ข้อมูลส่วนบุคคล" การที่กล้องเพื่อนบ้านบันทึกภาพกิจกรรมส่วนตัวของเราในบ้านเราเอง ก็เข้าข่ายการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของเราโดยที่เราอาจไม่ยินยอม
- การติดตั้งกล้องของเพื่อนบ้าน (เพื่อความปลอดภัยของเขา): เพื่อนบ้านมีสิทธิที่จะติดตั้งกล้องเพื่อป้องกันทรัพย์สินของตัวเองได้ โดยอาจอ้างอิง "ประโยชน์อันชอบธรรม" ตาม PDPA
- แต่! สิทธินั้นต้องไม่ละเมิดสิทธิความเป็นส่วนตัวของเราจนเกินสมควร:
การส่องเข้ามาในบ้านคนอื่นโดยตรง: หากมุมกล้องเพื่อนบ้านตั้งใจส่องเข้ามาในบริเวณ "พื้นที่ส่วนบุคคล" ของเราอย่างชัดเจน เช่น ส่องทะลุหน้าต่างห้องนอน, ห้องนั่งเล่น, หรือบริเวณหลังบ้านที่เราใช้ทำกิจกรรมส่วนตัว ถือเป็นการละเมิดความเป็นส่วนตัว และอาจผิด PDPA ได้
การบันทึกพื้นที่สาธารณะหน้าบ้าน: ถ้ากล้องเพื่อนบ้านจับภาพถนนสาธารณะหน้าบ้าน หรือพื้นที่ส่วนกลางของหมู่บ้าน อันนี้มักจะทำได้ เพราะถือเป็นพื้นที่สาธารณะ แต่ก็ควรจะเน้นไปที่การรักษาความปลอดภัย ไม่ใช่การสอดส่องเพื่อนบ้าน
แล้วเราจะทำอะไรได้บ้าง ถ้าเพื่อนบ้านไม่ยอมปรับมุมกล้อง?
1.รวบรวมหลักฐาน:
ถ่ายรูป/วิดีโอ แสดงให้เห็นว่ามุมกล้องของเพื่อนบ้านส่องเข้ามาในบ้านเราจริงๆ และเห็นอะไรบ้าง (พยายามให้เห็นทั้งตัวกล้องเพื่อนบ้านและมุมที่มันส่องมาถึงบ้านเรา)
บันทึกวันเวลา ที่คุณรู้สึกว่าถูกละเมิดความเป็นส่วนตัว
บันทึกการพูดคุย: หากมีการพูดคุยกันแล้วไม่เป็นผล อาจจะจดบันทึกไว้ว่าคุยกันวันไหน เรื่องอะไร ผลเป็นอย่างไร (ถ้าอัดเสียงได้โดยอีกฝ่ายรับรู้และยินยอม ก็จะดีมาก แต่ต้องระวังเรื่องการแอบอัดเสียง)
2.ทำหนังสือแจ้งเตือน (ถ้าจำเป็น):
หากการพูดคุยด้วยวาจาไม่ได้ผล อาจจะลองทำหนังสือแจ้งเพื่อนบ้านอย่างเป็นทางการ (อาจจะปรึกษาทนายความเพื่อร่างหนังสือให้ถูกต้อง) ระบุความกังวลของเรา และขอให้เขาปรับมุมกล้องภายในระยะเวลาที่กำหนด
3.ปรึกษา "นิติบุคคล" (กรณีอยู่หมู่บ้านจัดสรร/คอนโด):
ลองแจ้งเรื่องไปที่นิติบุคคลของหมู่บ้านหรือคอนโดดูครับ บางทีนิติฯ อาจจะมีระเบียบเกี่ยวกับการติดตั้งกล้องวงจรปิดของลูกบ้าน หรือสามารถช่วยเป็นคนกลางในการเจรจาไกล่เกลี่ยได้
4.ร้องเรียนไปยัง "สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (สคส.)":
หากเพื่อนบ้านยังคงเพิกเฉยและละเมิดสิทธิของเราอย่างชัดเจน คุณมีสิทธิร้องเรียนไปยัง สคส. (PDPC Thailand) ซึ่งเป็นหน่วยงานที่กำกับดูแลเรื่อง PDPA โดยตรง (เข้าไปดูรายละเอียดการร้องเรียนได้ที่เว็บไซต์ของ สคส. ครับ)
5.ปรึกษาทนายความ / แจ้งความ (กรณีร้ายแรง):
หากการกระทำของเพื่อนบ้านเข้าข่ายการคุกคาม หรือทำให้คุณรู้สึกไม่ปลอดภัยอย่างมาก อาจจะต้องพิจารณาปรึกษาทนายความเพื่อดำเนินการทางกฎหมาย หรือแจ้งความกับตำรวจในข้อหาที่เกี่ยวข้อง (เช่น ก่อความเดือดร้อนรำคาญ หรือข้อหาอื่นตามพฤติการณ์) แต่ควรเป็นทางเลือกสุดท้ายนะครับ เพราะอาจจะทำให้ความสัมพันธ์กับเพื่อนบ้านยิ่งแย่ลงไปอีก
วิธีป้องกันตัวเองเบื้องต้น (ทำได้เลย ไม่ต้องรอ!)
ระหว่างที่กำลังดำเนินการพูดคุยหรือร้องเรียน ลองหาวิธีป้องกันตัวเองเบื้องต้นไปก่อนครับ:
ติดม่าน/มู่ลี่ให้หนาขึ้น: โดยเฉพาะหน้าต่างที่ตรงกับมุมกล้องเพื่อนบ้าน
ปลูกต้นไม้/ทำรั้วให้สูงขึ้น: ถ้าเป็นมุมกล้องที่ส่องมาจากนอกรั้ว การมีสิ่งกีดขวางทางสายตาช่วยได้
ติดฟิล์มกรองแสงแบบสะท้อน/มืด: สำหรับกระจกหน้าต่าง
(ถ้าจำเป็น) ติดกล้องวงจรปิดของเราเอง: เพื่อบันทึกหลักฐาน หากมีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้น (แต่ระวังอย่าให้กล้องเราไปส่องบ้านคนอื่นเป็นการตอบโต้นะครับ เดี๋ยวจะผิดกฎหมายซะเอง)
บทสรุป: "ความเป็นส่วนตัว" คือสิทธิของเรา คุยกันดีๆ ก่อน ถ้าไม่ไหว กฎหมายช่วยได้!
ปัญหา "กล้องเพื่อนบ้านส่องบ้านเรา" เป็นเรื่องละเอียดอ่อนที่กระทบความรู้สึกและความเป็นส่วนตัวของเราโดยตรง ทางออกที่ดีที่สุดคือ การเริ่มต้นด้วยการพูดคุยกันอย่างฉันมิตร เพื่อหาทางแก้ไขร่วมกัน
แต่ถ้าการพูดคุยไม่เป็นผล อย่าลืมว่าคุณมีสิทธิตามกฎหมาย PDPA ที่จะปกป้องความเป็นส่วนตัวของคุณ การรวบรวมหลักฐานและดำเนินการตามขั้นตอนที่เหมาะสม จะช่วยให้คุณแก้ไขปัญหานี้ได้ และกลับมาใช้ชีวิตในบ้านของตัวเองได้อย่างสบายใจอีกครั้งครับ