กล้องวงจรปิด ใช้เป็นหลักฐานในศาลได้แค่ไหน
"รถถูกชนแล้วหนี กล้องหน้ารถจับภาพได้ชัดเจน!" "โดนขโมยของในร้าน กล้องวงจรปิดบันทึกหน้าคนร้ายไว้ได้!" สถานการณ์เหล่านี้เกิดขึ้นได้กับทุกคน และ "คลิปวิดีโอจากกล้องวงจรปิด" ก็ดูเหมือนจะเป็น "พระเอก" ที่จะช่วยชี้ชัดความจริงได้
แต่คำถามที่หลายคนยังสงสัยคือ...แล้วคลิปที่เรามีเนี่ย มัน "ใช้เป็นหลักฐานในศาลได้จริงไหม?" ต้องมีเงื่อนไขอะไรบ้าง? แล้วศาลจะเชื่อถือแค่ไหน?
ในฐานะ ผู้ที่ติดตามและเข้าใจกระบวนการทางกฎหมายและเทคโนโลยี บทความนี้จะมาไขข้อข้องใจแบบง่ายที่สุด สไตล์เพื่อนคุยกัน ให้คุณเข้าใจว่า "คลิปจากกล้องวงจรปิด" มีน้ำหนักทางกฎหมายอย่างไร และต้องทำยังไงให้หลักฐานชิ้นสำคัญนี้ "ใช้ได้จริง" และ "น่าเชื่อถือ" ในชั้นศาลครับ!
"ใช้ได้แน่นอน!" แต่ต้อง "เข้าเงื่อนไข" นะครับ
ข่าวดีคือ โดยทั่วไปแล้ว "ภาพหรือวิดีโอจากกล้องวงจรปิด" สามารถใช้เป็น "พยานหลักฐาน" ในชั้นศาลได้ครับ! ไม่ว่าจะเป็นคดีแพ่ง (เช่น เรียกร้องค่าเสียหายจากอุบัติเหตุ) หรือคดีอาญา (เช่น คดีลักทรัพย์, ทำร้ายร่างกาย)
ศาลจะพิจารณารับฟังพยานหลักฐานที่เป็นภาพหรือวิดีโอเหล่านี้ หากเห็นว่า "เกี่ยวข้องกับประเด็นในคดี" และ "ไม่ได้ได้มาโดยมิชอบ" (เช่น ไม่ได้ไปแอบติดตั้งกล้องในที่ส่วนตัวของคนอื่นโดยไม่มีสิทธิ)
แต่! การที่ศาลจะ "เชื่อถือ" หรือให้ "น้ำหนัก" กับคลิปจากกล้องวงจรปิดมากน้อยแค่ไหนนั้น ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่างเลยครับ ไม่ใช่ว่ามีคลิปแล้วจะชนะคดีเสมอไปนะ!
"คุณภาพ" และ "ความน่าเชื่อถือ" ของคลิป: สิ่งที่ศาลจะพิจารณา
เพื่อให้คลิปจากกล้องวงจรปิดของเรามีน้ำหนักในชั้นศาล ลองดูปัจจัยเหล่านี้ครับ:
ความชัดเจนของภาพและเสียง:
ภาพต้องชัดพอ: เห็นใบหน้าคน, ป้ายทะเบียนรถ, ลักษณะการกระทำ, หรือรายละเอียดสำคัญอื่นๆ ได้ชัดเจนแค่ไหน? ถ้าภาพเบลอ มองไม่รู้เรื่อง ศาลก็อาจจะไม่ให้ค่าน้ำหนักมากนัก (นี่แหละเหตุผลว่าทำไมต้องเลือกกล้องความละเอียดสูงๆ!)
เสียง (ถ้ามี): เสียงที่บันทึกได้ชัดเจน ตรงกับเหตุการณ์ ก็ช่วยเสริมความน่าเชื่อถือได้ (แต่ต้องระวังเรื่องการแอบบันทึกเสียงสนทนาโดยไม่ได้รับอนุญาต อาจผิดกฎหมายอื่นได้)
ความต่อเนื่องและความสมบูรณ์ของไฟล์:
คลิปถูกตัดต่อมาหรือเปล่า?: ศาลจะพิจารณาว่าไฟล์วิดีโอมีการตัดต่อ ดัดแปลง หรือแก้ไขส่วนใดส่วนหนึ่งหรือไม่ ถ้ามี อาจทำให้ความน่าเชื่อถือลดลงอย่างมาก
บันทึกเหตุการณ์ได้ครบถ้วนไหม?: คลิปที่บันทึกเหตุการณ์ได้ตั้งแต่ต้นจนจบ หรือในช่วงเวลาสำคัญอย่างต่อเนื่อง ย่อมมีน้ำหนักมากกว่าคลิปสั้นๆ ที่อาจไม่เห็นภาพรวม
วันที่และเวลาในคลิปตรงกับความเป็นจริงไหม?: การตั้งค่าวันที่และเวลาในกล้องให้ถูกต้องอยู่เสมอสำคัญมาก! เพราะมันช่วยยืนยันว่าเหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อไหร่
ที่มาของคลิป และการได้มาโดยชอบ:
กล้องเป็นของใคร? ติดตั้งที่ไหน?: กล้องของเราเองที่ติดในพื้นที่ของเราย่อมไม่มีปัญหา แต่ถ้าเป็นกล้องของบุคคลอื่น หรือกล้องสาธารณะ อาจจะต้องมีกระบวนการขอมาอย่างถูกต้อง
การติดตั้งชอบด้วยกฎหมายหรือไม่?: โดยเฉพาะถ้าเกี่ยวข้องกับกฎหมาย PDPA (พ.ร.บ. คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล) เช่น การติดกล้องในที่ทำงาน หรือส่องไปในพื้นที่ส่วนบุคคลของผู้อื่นโดยไม่มีเหตุอันควร อาจมีประเด็นเรื่องความชอบด้วยกฎหมายของการได้มาซึ่งหลักฐานนั้นๆ
การเก็บรักษาไฟล์ต้นฉบับ
ควรเก็บไฟล์ต้นฉบับ จากกล้องหรือเครื่องบันทึกไว้ให้ดีที่สุด อย่าเพิ่งไปแปลงไฟล์หรือแก้ไขอะไรถ้าไม่จำเป็น
หากมีการคัดลอกไฟล์ ควรมีกระบวนการที่แสดงให้เห็นว่าไฟล์ที่นำมาแสดงต่อศาลเป็นไฟล์เดียวกับต้นฉบับ และไม่มีการเปลี่ยนแปลง
คำให้การของพยานที่เกี่ยวข้อง
การมีพยานบุคคลที่เห็นเหตุการณ์ หรือผู้ที่เกี่ยวข้องกับคลิปวิดีโอมาให้การสอดคล้องกับภาพในคลิป จะช่วยเพิ่มน้ำหนักให้หลักฐานวิดีโอนั้นมากยิ่งขึ้น
PDPA เกี่ยวข้องยังไงกับคลิปกล้องวงจรปิดในศาล? การใช้ข้อมูลส่วนบุคคล (ภาพ/คลิป): PDPA กำหนดว่าการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล (ซึ่งภาพจากกล้องวงจรปิดก็ถือเป็นข้อมูลส่วนบุคคล) ต้องมีฐานทางกฎหมายรองรับ
การใช้เพื่อ "ประโยชน์อันชอบธรรม" หรือ "การปฏิบัติตามกฎหมาย": การนำคลิปกล้องวงจรปิดมาใช้เป็นหลักฐานในศาลเพื่อปกป้องสิทธิของตนเอง หรือเพื่อช่วยในการดำเนินคดี มักจะสามารถอ้างอิงฐาน "ประโยชน์อันชอบธรรม" หรือ "การปฏิบัติตามกฎหมาย" ได้
แต่ต้อง "สมเหตุสมผล" และ "ไม่ละเมิดจนเกินไป": เช่น ถ้าคุณติดกล้องในบ้านตัวเองเพื่อจับขโมย แล้วขโมยเข้ามาจริง คลิปนั้นใช้เป็นหลักฐานได้แน่นอน แต่ถ้าคุณแอบติดกล้องในห้องน้ำเพื่อนบ้าน อันนั้นผิดกฎหมายชัดเจน หลักฐานก็อาจจะใช้ไม่ได้ (แถมคุณอาจจะโดนฟ้องกลับอีกด้วย!)
คำแนะนำ: ถ้าไม่แน่ใจเรื่อง PDPA กับการใช้คลิป ควรปรึกษาทนายความครับ
เตรียมคลิปกล้องวงจรปิดไปศาลยังไงดี?
เก็บไฟล์ต้นฉบับ: จาก SD Card หรือ Hard Disk ของเครื่องบันทึก (NVR/DVR)
สำรองไฟล์ (Backup): คัดลอกไฟล์เก็บไว้หลายๆ ที่ (เช่น ในคอมพิวเตอร์, External Hard Drive, USB Drive) ป้องกันไฟล์สูญหาย
ระบุช่วงเวลาสำคัญ: ถ้าคลิปยาวมาก ให้ตัดเฉพาะช่วงเวลาที่เกิดเหตุ หรือทำเครื่องหมาย ไว้ให้ชัดเจน เพื่อให้ง่ายต่อการนำเสนอ (แต่ต้องเก็บไฟล์เต็มต้นฉบับไว้ด้วย)
ทำสำเนาสำหรับศาลและคู่ความ: ตามจำนวนที่ศาลสั่ง หรือตามที่ทนายแนะนำ
อาจจะต้องมี "ผู้เชี่ยวชาญ" หรือ "พยาน" ยืนยันความถูกต้อง: ในบางกรณีที่ซับซ้อน หรือมีการโต้แย้งเรื่องความแท้จริงของคลิป ศาลอาจจะต้องการให้มีผู้เชี่ยวชาญด้านเทคนิคมายืนยัน หรือมีพยานที่เกี่ยวข้องมายืนยันเหตุการณ์ในคลิป
บทสรุป: คลิปกล้องวงจรปิด "ใช้ได้" ถ้า "ใช่" และ "ชัวร์"!
สรุปง่ายๆ เลยนะครับเพื่อนๆ: คลิปจากกล้องวงจรปิด "ใช้เป็นหลักฐานในศาลได้" แน่นอน! แต่การที่ศาลจะเชื่อและให้คะแนนความน่าเชื่อถือกับคลิปของเรามากน้อยแค่ไหนนั้น ขึ้นอยู่กับ "คุณภาพ" ของคลิป (ชัดไหม? ตัดต่อหรือเปล่า? วันเวลาตรงไหม?) และ "ที่มาที่ไป" ของคลิป (ได้มาอย่างถูกต้อง ไม่ละเมิดใครใช่ไหม?)
ดังนั้น การ ลงทุนกับกล้องวงจรปิดที่มีคุณภาพดี บันทึกภาพได้คมชัด, ติดตั้งในตำแหน่งที่เหมาะสมและถูกกฎหมาย และ เก็บรักษาไฟล์ต้นฉบับไว้อย่างดี คือสิ่งสำคัญที่จะทำให้ "พยานปากเอก" ชิ้นนี้ ช่วยเหลือคุณได้อย่างเต็มที่เมื่อถึงเวลาจำเป็นจริงๆ ครับ!