แชร์

PDPA กับกล้องวงจรปิด ติดยังไงไม่ผิดกฎหมาย

อัพเดทล่าสุด: 27 พ.ค. 2025
30 ผู้เข้าชม

เดี๋ยวนี้ใครๆ ก็ติดกล้องวงจรปิดกันทั้งนั้นใช่ไหมครับ? ไม่ว่าจะที่บ้าน, ร้านค้า, ออฟฟิศ, หรือแม้แต่ในคอนโด/หมู่บ้าน เพื่อความปลอดภัย อุ่นใจ และมีหลักฐานเวลาเกิดเหตุไม่คาดฝัน  แต่พอมี "พ.ร.บ. คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562" หรือ "PDPA" ออกมา หลายคนก็เริ่มกังวลว่า "เอ๊ะ! แล้วการติดกล้องของเราเนี่ย มันจะไปละเมิดสิทธิใคร หรือผิดกฎหมาย PDPA หรือเปล่า?"

ไม่ต้องปวดหัวครับ! ในฐานะ คนที่พยายามทำความเข้าใจเรื่องกฎหมายใกล้ตัวเหล่านี้  และอยากให้ทุกคนใช้งานเทคโนโลยีได้อย่าง ถูกต้องและสบายใจ  วันนี้เราจะมา "ย่อย" เรื่อง PDPA กับกล้องวงจรปิดให้เข้าใจง่ายที่สุด สไตล์เพื่อนคุยกันเลยว่า ต้องทำยังไงบ้างถึงจะติดกล้องได้อย่างถูกต้อง ไม่ต้องกลัวโดนฟ้อง!

PDPA คืออะไร? แล้วมันเกี่ยวอะไรกับ "กล้องวงจรปิด" ของเรา?

PDPA (Personal Data Protection Act): คือกฎหมายที่ออกมาเพื่อ "คุ้มครองข้อมูลส่วนตัวของเรา" ไม่ให้ใครเอาไปใช้มั่วซั่ว หรือเก็บไปโดยที่เราไม่รู้เรื่อง/ไม่ยินยอม

ภาพจากกล้องวงจรปิด = ข้อมูลส่วนบุคคล! เพราะภาพหรือวิดีโอที่บันทึกได้ ถ้ามันเห็นหน้าคนชัดเจนจน "ระบุตัวตน" ได้ว่าใครเป็นใคร สิ่งนั้นถือเป็น "ข้อมูลส่วนบุคคล" ทันที!

คนติดกล้อง = "ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล"): แปลว่าเรามี "หน้าที่" ต้องปฏิบัติตามกฎหมาย PDPA ในการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยภาพเหล่านั้น

"ติดกล้องวงจรปิด" ยังไง ให้ "ถูกกฎหมาย PDPA" และ "สบายใจทุกฝ่าย"?

มาดูกันทีละสเต็ปเลยครับว่าต้องทำอะไรบ้าง:

"มีเหตุผลที่ดี" ในการติด

1.ติดเพื่ออะไร? ส่วนใหญ่เราติดกล้องเพื่อ:

  • ป้องกันอาชญากรรม: กันขโมย, ป้องกันการบุกรุก, รักษาความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน
  • ดูแลความปลอดภัยทั่วไป: เช่น ดูแลเด็ก/ผู้สูงอายุในบ้าน, ป้องกันอุบัติเหตุในที่ทำงาน/โรงงาน
  • ใช้เป็นหลักฐาน: เมื่อเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน
    "ประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย": นี่คือ "ฐานกฎหมาย" ที่คนส่วนใหญ่ (บ้านพักอาศัย, ร้านค้า, ออฟฟิศ) มักจะใช้อ้างอิงในการติดตั้งกล้องวงจรปิดเพื่อวัตถุประสงค์ข้างต้นได้ โดย ไม่จำเป็นต้องขอความยินยอม จากทุกคนที่เดินผ่านไปมา (ถ้าจะขอทุกคนคงวุ่นวายน่าดู!
    แต่! ประโยชน์นั้นต้อง "สมเหตุสมผล" และ "ไม่ไปละเมิดสิทธิขั้นพื้นฐาน" ของคนอื่นจนเกินไปนะครับ

2. "แจ้งให้ทราบ" ว่ามีกล้องนะจ๊ะ!

ต้องมี "ป้ายแจ้งเตือน" ชัดเจน!
ติดป้ายในบริเวณ "ก่อน" ที่คนจะเข้ามาในพื้นที่ที่มีการบันทึกภาพ และ "บริเวณที่มีการติดตั้งกล้อง" ให้เห็นได้ง่ายและชัดเจน

ในป้ายควรบอกอะไรบ้าง?

  • สัญลักษณ์ว่ามีกล้องวงจรปิด
  • วัตถุประสงค์ในการบันทึกภาพ (เช่น เพื่อความปลอดภัย)
  • ข้อมูลผู้ควบคุมข้อมูล (เช่น ชื่อบริษัท/เจ้าของบ้าน, ช่องทางติดต่อ)
  • (ถ้ามี) ระยะเวลาการเก็บข้อมูล, สิทธิของเจ้าของข้อมูล (แบบย่อๆ หรือบอกช่องทางดูรายละเอียดเต็ม)

ทำไมต้องแจ้ง? เพื่อให้คนที่เข้ามาในพื้นที่ "รับรู้" ว่าจะมีการบันทึกภาพของเขา เป็นการเคารพสิทธิและสร้างความโปร่งใส

3. "มุมกล้อง" สำคัญมาก! อย่าสอดส่องเรื่องส่วนตัวคนอื่น

โฟกัสพื้นที่ "ของเรา" เป็นหลัก:

  • บ้านพักอาศัย: เน้นพื้นที่ในรั้วบ้าน, ประตูเข้า-ออก, โรงจอดรถ
  • ร้านค้า/ออฟฟิศ: เน้นพื้นที่ส่วนรวม, ทางเข้า-ออก, จุดเก็บเงิน, สต็อกสินค้า

"ห้าม" ส่องไปที่ "พื้นที่ส่วนบุคคล" ของคนอื่นโดยไม่จำเป็นและไม่มีเหตุอันควร! เช่น:

ห้าม! ติดกล้องส่องเข้าไปในบ้านเพื่อนบ้าน, ห้องน้ำ, ห้องเปลี่ยนเสื้อผ้า, ห้องพักส่วนตัวของพนักงาน (ถ้าไม่มีเหตุผลด้านความปลอดภัยที่ "จำเป็นอย่างยิ่งยวด" และต้องมีมาตรการที่รัดกุมมากๆ)

ถ้ามุมกล้องมัน "เฉียด" ไปโดนพื้นที่สาธารณะ หรือหน้าบ้านคนอื่นบ้างเล็กน้อย (โดยไม่ได้ตั้งใจ และเน้นจับภาพพื้นที่เราเป็นหลัก): อันนี้ส่วนใหญ่ยังพออลุ่มอล่วยได้ แต่ถ้าเพื่อนบ้านเขารู้สึกไม่สบายใจ ก็ควรพูดคุยกันและพยายามปรับมุมกล้องเพื่อลดผลกระทบ

(PDPA Tip): บันทึกภาพเท่าที่ "จำเป็น" ตามวัตถุประสงค์ที่แจ้งไว้เท่านั้น

4."ใครดูคลิปได้บ้าง?" กำหนดสิทธิ์ให้ชัดเจน! 

ไม่ใช่ใครก็เปิดดูได้นะ! ต้องกำหนด "บุคคลที่มีสิทธิ์เข้าถึง" ข้อมูลภาพจากกล้องวงจรปิดอย่างชัดเจน เช่น เจ้าของบ้าน, ผู้จัดการร้าน, เจ้าหน้าที่ รปภ. ที่ได้รับมอบหมาย

การเข้าดูต้องมี "เหตุผลอันสมควร": เช่น ตรวจสอบเหตุการณ์ผิดปกติ, ใช้เป็นหลักฐานเมื่อเกิดเหตุ ไม่ใช่เปิดดูเล่นๆ หรือสอดส่องพฤติกรรมคนอื่นโดยไม่มีเหตุ

ควรมี "บันทึกการเข้าถึงข้อมูล": (ถ้าทำได้ โดยเฉพาะในองค์กร) ว่าใคร เข้ามาดูข้อมูลอะไร เมื่อไหร่ เพื่อตรวจสอบย้อนหลังได้

5."เก็บคลิปนานแค่ไหน?" 

  • เก็บเท่าที่ "จำเป็น" และ "สมเหตุสมผล" ตามวัตถุประสงค์ที่แจ้งไว้
  • ระยะเวลาทั่วไป: อาจจะ 7 วัน, 15 วัน, 30 วัน หรือ 60 วัน (แล้วแต่ความจุของหน่วยความจำ และนโยบายของแต่ละที่)
  • เมื่อครบกำหนด: ควรมีกระบวนการ "ลบข้อมูล" อย่างปลอดภัย (ส่วนใหญ่ระบบจะตั้งค่าให้ "บันทึกทับของเก่า" โดยอัตโนมัติอยู่แล้ว)
    (PDPA Tip): ควรกำหนดระยะเวลาการเก็บข้อมูลไว้ในนโยบายการใช้กล้องวงจรปิดด้วย

6. "รักษาความปลอดภัย" ของข้อมูลที่บันทึกไว้ด้วย!

ป้องกันการเข้าถึงโดยไม่ได้รับอนุญาต: ตั้งรหัสผ่านเครื่องบันทึก (NVR/DVR) และตัวกล้อง (ถ้าเป็น IP Camera) ให้คาดเดายาก และเปลี่ยนรหัสผ่านเริ่มต้นที่มาจากโรงงาน

ป้องกันข้อมูลรั่วไหล: ถ้ามีการเชื่อมต่อดูออนไลน์ ต้องมั่นใจว่าระบบเครือข่ายมีความปลอดภัย

(ถ้าเป็นองค์กรใหญ่): อาจจะต้องมีมาตรการทางเทคนิคและทางองค์กรที่เข้มงวดขึ้น

คำถามยอดฮิตสไตล์เพื่อนบ้าน

Q: ติดกล้องหน้าบ้าน แล้วมันเห็นถนนสาธารณะด้วย ผิดไหม?
A: ถ้าเน้นจับภาพ "พื้นที่หน้าบ้านเราเป็นหลัก" แล้วมันติดพื้นที่สาธารณะไปบ้าง "โดยไม่ได้ตั้งใจสอดส่องคนอื่น" ส่วนใหญ่ไม่เป็นไรครับ แต่ถ้ามีป้ายแจ้งเตือนไว้ก็จะดีมาก

Q: เพื่อนบ้านติดกล้องส่องมาที่เราเป๊ะๆ เลย ทำไงดี?
A: ลองคุยกันดีๆ ก่อนครับ (วิธีแรกที่ดีที่สุด!) ถ้าไม่ยอมปรับ ค่อยรวบรวมหลักฐานแล้วปรึกษาผู้รู้ หรือร้องเรียนตามขั้นตอน

Q: ต้องขออนุญาตทุกคนที่เดินผ่านหน้ากล้องไหม?
A: ถ้าติดเพื่อความปลอดภัยในพื้นที่ของเรา (อ้างอิงประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย) และ "มีป้ายแจ้งเตือนชัดเจน" แล้ว โดยทั่วไปไม่ต้องขออนุญาตเป็นรายบุคคลครับ

บทสรุป: ติดกล้องวงจรปิดยุค PDPA...เข้าใจง่าย ไม่น่ากลัวอย่างที่คิด!

การติดตั้งกล้องวงจรปิดในยุค PDPA ไม่ได้ยุ่งยากหรือน่ากลัวอย่างที่หลายคนกังวลเลยครับ หัวใจสำคัญคือ "ความโปร่งใส" "ความสมเหตุสมผล" และ "การเคารพสิทธิความเป็นส่วนตัวของผู้อื่น"

แค่คุณ มีเหตุผลที่ดีในการติด (ส่วนใหญ่คือเพื่อความปลอดภัย), ติดป้ายแจ้งให้ทราบชัดเจน, ตั้งมุมกล้องให้เหมาะสม (ไม่ละเมิดใคร), กำหนดคนดูและระยะเวลาเก็บข้อมูลให้ดี, และรักษาความปลอดภัยของข้อมูลที่ได้มา  เพียงเท่านี้ คุณก็สามารถใช้ประโยชน์จากกล้องวงจรปิดได้อย่างเต็มที่ อุ่นใจ ปลอดภัย และไม่ผิดกฎหมาย PDPA แน่นอนครับ!


บทความที่เกี่ยวข้อง
icon-messenger
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้
เปรียบเทียบสินค้า
0/4
ลบทั้งหมด
เปรียบเทียบ