แชร์

การป้องกันความผิดเกี่ยวกับข้อมูลภาพจากกล้องวงจรปิด

อัพเดทล่าสุด: 17 ต.ค. 2025
11 ผู้เข้าชม

ในยุคดิจิทัลที่กล้องวงจรปิด (CCTV) กลายเป็นเครื่องมือสำคัญในการรักษาความปลอดภัย ข้อมูลภาพที่บันทึกไว้มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการสืบสวนและเป็นหลักฐานทางกฎหมาย อย่างไรก็ตาม ความผิดเกี่ยวกับข้อมูลภาพจากกล้องวงจรปิด ก็เป็นภัยคุกคามที่ต้องตระหนักถึง ตั้งแต่การถูกปลอมแปลง (Deepfake), การรั่วไหล, ไปจนถึงการใช้ข้อมูลโดยมิชอบ ซึ่งส่งผลกระทบต่อความน่าเชื่อถือของหลักฐานและความเป็นส่วนตัวของผู้คน ดังนั้น การจัดการและ ป้องกันความผิดเกี่ยวกับข้อมูลภาพจากกล้องวงจรปิด อย่างเข้มงวดจึงเป็นเรื่องที่ไม่ควรมองข้าม


 

การจัดการข้อมูลภาพ: กุญแจสู่ความน่าเชื่อถือของหลักฐาน

 


ความน่าเชื่อถือของหลักฐานภาพจากกล้องวงจรปิดขึ้นอยู่กับกระบวนการจัดการข้อมูลตั้งแต่ต้นจนจบ (Chain of Custody)

 

  1. การเข้ารหัสและการป้องกันการเข้าถึง (Encryption & Access Control): สิ่งแรกที่ต้องทำคือการเข้ารหัสข้อมูลที่บันทึกไว้ (Data Encryption) ทั้งขณะจัดเก็บในเครื่องบันทึก (DVR/NVR) และขณะส่งผ่านเครือข่าย เพื่อป้องกันการดักจับข้อมูล (Interception) ระหว่างทาง นอกจากนี้ การจำกัดสิทธิ์การเข้าถึงข้อมูล (Access Control) ให้เฉพาะบุคลากรที่ได้รับอนุญาตเท่านั้นที่จะสามารถดูหรือดาวน์โหลดภาพได้ และต้องมีการบันทึกการกระทำ (Log File) ทุกครั้งที่มีการเข้าถึง
  2. การยืนยันความถูกต้องของข้อมูล (Data Integrity Check): สิ่งสำคัญที่สุดในการต่อสู้กับการปลอมแปลงข้อมูล (Tampering) คือการใช้เทคนิค ลายน้ำดิจิทัล (Digital Watermarking) หรือ แฮชเชอร์ (Hashing) เพื่อสร้างค่าเฉพาะให้กับวิดีโอแต่ละไฟล์ หากวิดีโอถูกแก้ไขแม้แต่นิดเดียว ค่าแฮชก็จะเปลี่ยนไปทันที ทำให้สามารถยืนยันได้ว่าภาพที่นำเสนอเป็นภาพต้นฉบับ ไม่ได้ถูกดัดแปลง
  3. นโยบายการจัดเก็บและการทำลายข้อมูล (Retention Policy): ควรกำหนดระยะเวลาในการจัดเก็บข้อมูลภาพอย่างชัดเจนตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง (เช่น พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล หรือ PDPA) และเมื่อครบกำหนด ต้องทำลายข้อมูลอย่างปลอดภัย (Secure Deletion) เพื่อลดความเสี่ยงที่ข้อมูลจะรั่วไหลหรือถูกนำไปใช้โดยมิชอบในอนาคต

     

️ ประสบการณ์จริง: ผลกระทบจากการรั่วไหลและความสำคัญของ Log File

 


ผมเคยมีประสบการณ์กับกรณีที่ต้องใช้ภาพจากกล้องวงจรปิดเพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของพนักงานในเหตุการณ์ความขัดแย้ง ความผิดเกี่ยวกับข้อมูลภาพจากกล้องวงจรปิด ที่เกิดขึ้นในตอนแรกไม่ใช่การปลอมแปลง แต่เป็นการ รั่วไหลของภาพบางส่วน ไปยังบุคคลภายนอกที่ไม่เกี่ยวข้อง

ในกรณีนี้ ภาพที่รั่วไหลออกไปถูกนำไปตีความและเผยแพร่ในวงกว้าง ทำให้เกิดความเสียหายต่อชื่อเสียงของพนักงานก่อนที่จะมีการพิสูจน์ข้อเท็จจริงอย่างเป็นทางการ บทเรียนสำคัญที่ได้คือ:

  • Log File คือพระเอก: การตรวจสอบ บันทึกการเข้าถึง (Access Log) ของระบบบันทึกภาพ ช่วยให้ทราบได้ทันทีว่าใครเป็นผู้ดาวน์โหลดภาพในช่วงเวลาดังกล่าว การมี Log File ที่สมบูรณ์และตรวจสอบได้เป็นหลักฐานสำคัญในการดำเนินการทางวินัยกับผู้ที่ละเมิดนโยบาย และสามารถย้อนรอยถึงแหล่งที่มาของการรั่วไหลได้
  • ารตั้งรหัสผ่านที่รัดกุม (Strong Password Policy): พบว่าการตั้งรหัสผ่านที่ไม่รัดกุมและการใช้รหัสผ่านร่วมกัน (Shared Credentials) เป็นช่องโหว่หลักที่ทำให้บุคคลที่ไม่มีอำนาจสามารถเข้าถึงระบบได้ การบังคับใช้รหัสผ่านที่ซับซ้อนและเปลี่ยนรหัสผ่านเป็นประจำจึงเป็นสิ่งจำเป็นพื้นฐาน

     

️ เทคโนโลยีป้องกัน: ยกระดับความปลอดภัยให้หลักฐานภาพ


ในปัจจุบัน เทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทอย่างมากในการ ป้องกันความผิดเกี่ยวกับข้อมูลภาพจากกล้องวงจรปิด โดยเฉพาะอย่างยิ่งการต่อสู้กับวิดีโอปลอมแปลง (Deepfake) ที่ทำได้แนบเนียนขึ้นเรื่อยๆ

  • ระบบตรวจจับการปลอมแปลง (Deepfake Detection): หลายองค์กรเริ่มใช้ซอฟต์แวร์วิเคราะห์วิดีโอที่สามารถระบุความผิดปกติที่เกิดจากการสังเคราะห์ภาพด้วย AI ซึ่งรวมถึงการตรวจสอบความสม่ำเสมอของแสงเงา การเคลื่อนไหวของดวงตา และการซิงโครไนซ์ของเสียงกับปาก ซึ่งเป็นแนวทางสำคัญในการรักษาความถูกต้องของ หลักฐานภาพ
  • บล็อกเชนสำหรับหลักฐานดิจิทัล (Blockchain for Digital Evidence): การนำเทคโนโลยีบล็อกเชนมาใช้ในการบันทึกค่าแฮชของวิดีโอจะช่วยสร้างบัญชีแยกประเภทแบบกระจายศูนย์ (Distributed Ledger) ที่ไม่สามารถแก้ไขได้ ทำให้สามารถตรวจสอบความถูกต้องของวิดีโอได้ตั้งแต่จุดเริ่มต้นจนถึงการนำเสนอในศาล ซึ่งเพิ่ม ความน่าเชื่อถือ สูงสุดให้กับข้อมูลภาพ

     

สรุปและลิงค์อ้างอิง


การป้องกันความผิดเกี่ยวกับข้อมูลภาพจากกล้องวงจรปิดไม่ใช่แค่เรื่องของเทคโนโลยี แต่เป็นเรื่องของการวาง นโยบายความปลอดภัย และการฝึกอบรมบุคลากรให้ตระหนักถึงความรับผิดชอบในการจัดการ หลักฐานดิจิทัล

Key Takeaways:

  • เน้นการเข้ารหัส (Encryption) ทั้งข้อมูลที่จัดเก็บและข้อมูลที่ส่งผ่านเครือข่าย
  • ใช้ Log File เพื่อตรวจสอบและย้อนรอยการเข้าถึงข้อมูล
  • ยืนยันความถูกต้องด้วย Hashing/Watermarking เพื่อต่อสู้กับการปลอมแปลง
  • ทบทวนนโยบาย PDPA และการทำลายข้อมูลอย่างสม่ำเสมอ

 

 

ลิงค์อ้างอิงและแหล่งข้อมูลเพิ่มเติม:

  • พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 (PDPA): https://www.pdpa.or.th
  • แนวทางการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของข้อมูลสารสนเทศ (Data Security Guidelines) โดย ETDA: (ควรค้นหาเอกสารล่าสุดของ ETDA หรือหน่วยงานกำกับดูแลที่เกี่ยวข้อง)
  • มาตรฐานการจัดการวิดีโอดิจิทัลที่เป็นหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ (Digital Forensics Standards) เช่น ISO/IEC 27037: (ควรค้นหาและระบุแหล่งข้อมูลที่เกี่ยวข้อง)

บทความที่เกี่ยวข้อง
icon-messenger
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้
เปรียบเทียบสินค้า
0/4
ลบทั้งหมด
เปรียบเทียบ